2 พฤษภาคม 2568 นายสมพงศ์ พละไชย ศึกษาธิการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยบุคลากร ร่วมรับฟังการมอบนโยบายสำคัญให้แก่ผู้บริหารในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เตรียมพร้อมเปิดภาคเรียนใหม่ทั่วประเทศ ผ่านระบบออนไลน์ ณ ห้องรวงผึ้ง สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดยะลา โดยมี พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธี และมอบนโยบายขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรมดังนี้
นโยบายสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการมุ่งเน้นให้การศึกษานำไปสู่ความสุขของผู้เรียนอย่างแท้จริง โดยส่งเสริมให้ครูและผู้บริหารเปลี่ยนบทบาทจากผู้ถ่ายทอดความรู้มาเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้และผู้ดูแลชีวิตนักเรียน การเรียนรู้ควรเป็นสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจ ไม่ใช่ภาระ จึงต้องลดกิจกรรมหรือระบบการสอบและการบ้านที่เกินความจำเป็น เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กได้เติบโตทั้งทางความคิดและจิตใจ
ในด้านคุณภาพการศึกษา มีการปรับปรุงระบบติดตามและประเมินผลโดยใช้เทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ มุ่งวัดผลสัมฤทธิ์ทั้งด้านวิชาการและคุณภาพชีวิตอย่างสมดุล
สำหรับการแก้ปัญหาเด็กหลุดออกจากระบบการศึกษา กระทรวงตั้งเป้านำเด็กกว่า 400,000 คนกลับเข้าสู่ระบบ โดยจัดตั้งศูนย์ “ส่งเสริม ติดตาม ดูแล ป้องกัน” ทำงานร่วมกับโรงเรียน ท้องถิ่น อสม. และฝ่ายปกครอง ใช้กลยุทธ์เชิงรุก เช่น การ “ไปหาน้อง” ถึงบ้านและการดูแลรายกรณี
ในด้านความร่วมมือแบบบูรณาการ กระทรวงสนับสนุนให้โรงเรียนร่วมมือกันแบ่งปันทรัพยากร ทั้งบุคลากรและสื่อการเรียน รวมทั้งสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานอื่น เช่น สาธารณสุข ตำรวจ และภาคประชาสังคม โดยเฉพาะโครงการ “พี่ช่วยน้อง” ที่โรงเรียนขนาดใหญ่สนับสนุนโรงเรียนขนาดเล็ก
สำหรับการจัดการเรียนการสอน ยังคงใช้หลักสูตรแกนกลางปี 2551 เป็นฐาน เสริมด้วยแนวทางจากปี 2560 และเพิ่มเติมเนื้อหาให้สอดคล้องกับบริบทท้องถิ่น มีแนวคิดให้มี “ครูประจำช่วงชั้น” ดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดในฐานะพ่อแม่คนที่สอง พร้อมทั้งเน้นการสอนทักษะชีวิตควบคู่ไปกับทักษะวิชาการ
การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนรู้ เช่น DLTV, Smart TV และ AI ได้รับการสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถขออุปกรณ์สนับสนุนเพิ่มเติมได้ทันที ทั้งนี้กระทรวงส่งเสริมให้เกิดแนวคิด “เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา” (Anywhere - Anytime) เพื่อยกระดับความสามารถด้านภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นหัวใจของ STEM กระทรวงเล็งเห็นว่าปัจจุบันมีนักเรียนไทยเรียนน้อยกว่า 5% เทียบกับจีนที่สูงถึง 50% จึงมีการผลักดันให้มีการเรียนการสอนที่เน้น STEM ตั้งแต่ระดับประถม พัฒนาโครงการ “นักวิทยาศาสตร์น้อย” และกิจกรรมแข่งขันวิทยาศาสตร์ต่อเนื่อง
เรื่องความปลอดภัยในสถานศึกษา ได้กำหนดให้ทุกโรงเรียนต้องมีแผนเผชิญเหตุ เช่น แผ่นดินไหว ไฟไหม้ หรือเหตุร้ายแรง รวมถึงควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าในนักเรียนและบุคลากรอย่างเข้มงวด ต้องมีการตรวจสอบประกันภัยและซ้อมแผนร่วมกับหน่วยงานภายนอกอย่างสม่ำเสมอ
ในด้านโครงการอาหารกลางวัน กระทรวงเน้นความปลอดภัยและคุณภาพของอาหารกลางวัน โดยประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และมีกองทุนช่วยเหลือนักเรียนที่ประสบปัญหาขาดสารอาหารหรือเจ็บป่วยจากอาหาร
การเตรียมสอบ PISA และสอบเข้า ม.1 / ม.4 เป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญ โดยเน้นเตรียมความพร้อมทั้งเนื้อหาและกำลังใจแก่นักเรียน โรงเรียนควรเก็บข้อมูลผลสอบเพื่อปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอนที่โรงเรียนต้นทาง รวมทั้งพัฒนาระบบติวเฉพาะรายด้านวิชาที่นักเรียนอ่อน เช่น คณิต วิทย์ อังกฤษ
สุดท้ายในเรื่องของเครื่องแบบและอุปกรณ์การเรียน กระทรวงให้แนวทางที่ยืดหยุ่นตามบริบทของพื้นที่ เช่น ในเขตพื้นที่สูง หรือกลุ่มชาติพันธุ์ อนุญาตให้ใช้เครื่องแบบพิเศษได้หากจำเป็น พร้อมทั้งเน้นความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง และเปิดให้โรงเรียนที่มีความพร้อมแจ้งความต้องการเพื่อขอรับการสนับสนุนได้อย่างรวดเร็ว





+7
ดูข้อมูลเชิงลึก
โปรโมทโพสต์

ความรู้สึกทั้งหมด
11Amm Apinya, Nunthiya Daramae และ คนอื่นๆ อีก 9 คน
073-729828
Facebook Messenger